
"ชัยชนะของคนไม่เอาถ่าน"
หนังสือเล่มนี้บอกไว้อย่างนั้นครับ ผมเคยอ่านบทความหนึ่งที่เขียนเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้นานมาแล้ว จนกระทั่งช่วงวันหยุดปีใหม่ 2554 นี้เองที่ได้มีโอกาสอ่านฉบับจริงจนจบ วันหยุดยาวครั้งนี้ ผมอ่านหนังสือมากจริงๆ เฉลี่ยวันละ 3 เล่มคงจะได้ ไม่ใช่เพราะมีเวลาหรอก แต่เป็นเพราะยืมหนังสือมามาก และเป็นหนังสือดีๆ ทั้งนั้น หลายปีที่ผ่านมา ผมซื้อหนังสือน้อยลง แต่ใช้วิธีการยืมหนังสือจากห้องสมุดแทน เพราะพบว่าทุกครั้งที่จ่ายเงินเพื่อซื้อหนังสือ ผมจะซื้อเกินกว่าที่คิดเสมอ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หมดค่าหนังสือไปเยอะมาก ประมาณจ่ายค่าเทอมลูกได้เลย ก็เลยมาคิดว่า ยืมเอาดีกว่า อาจจะได้อ่านหนังสือช้าหน่อยแต่ก็ไม่ทำให้เราต้องจมเงินไปเยอะกับกองหนังสือเต็มบ้าน เต็มบ้านจริงๆ ลูกๆ ก็เลยได้อานิสงค์ของสังคมบริโภคหนังสือจากพ่อตัวแสบไปด้วย
กลับมาที่โนบิตะอีกครั้ง ผมว่าคนเขียนทุ่มเทเอามากๆ ที่คิดค้นหาแง่มุมที่คนดูการ์ตูนอย่างเดียว หรือเอาแต่เสพอย่างเดียวคงคิดไม่ถึง ผมว่า เขาคิดไปไกลกว่าคนแต่งการ์ตูนในบางครั้งอีกด้วยซ้ำ โนบิตะเป็นคนไม่เอาไหนจริงๆ แต่คนไม่เอาไหนคนนี้ ท้ายที่สุดก็มายืนแถวหน้าได้ดีกว่าที่คาด
สมัยเรียนมหาวิทยาลัย มีเพื่อนคนหนึ่งชื่อ "ไอ้ตู่" เป็นคนที่เหมือนตัวตลกในวงเพื่อนเสมอ ถูกล้อ ถูกแกล้งสารพัดสารเพ แถมก็เรียนไม่เอาไหน เรื่องผู้หญิงก็ย่ำแย่ จีบใครไม่เคยสำเร็จ หน้าตาก็งั้นๆ ไปวัดได้อย่างเดียว
พอเรียนจบ หมอนี่สอบเข้ารับราชการได้เป็นคนท้ายๆ ของรุ่น แต่วันนี้ ผมเชื่อว่า "ตู่" น่าจะเป็นข้าราชการแถวหน้าในรุ่นแล้ว และอาจจะได้เป็น ซี 9 คนแรกของรุ่นเลยก็ได้
ชีวิตผมเองก็เจอ "โนบิตะ" แบบ "ตู่" ไม่บ่อยนัก แต่ชีวิตของพวกเขาน่าทึ่งเสมอ ผมเองหากจะให้เปรียบก็น่าจะคล้ายกับเดคิซุกินิดๆ เพราะตอนเรียนผมอยู่แถวหน้าๆ ของรุ่น สมุดเลคเชอร์ผมกลายเป็นของสามัญบ่อยๆ เรื่องคะแนนติดท้อปไฟว์ ท้อปเทนนี่ประจำ แต่ไม่ค่อยอยากเอาดีทางด้านเรียนมากนัก ชอบทำกิจกรรมมากกว่า
ชีวิตจริงคนเรา ผมเชื่อว่ามีส่วนผสมของตัวละครหลายตัว อยู่ที่ว่าตัวไหนจะเด่น ตัวไหนจะแอบซ่อนอยู่ แต่คนที่มีลักษณะเด่นด้านด้อยมากๆ อย่างโนบิตะ หรือ ตู่ คงไม่พบบ่อยนัก และเมื่อบพบแล้วก็คาดการณ์อนาคตยากมาก เพราะชีวิตมันต้องดูกันยาวๆ
ผมเคยเห็นผู้ใหญ่ที่นับถือหลายคนต้องถูกตั้งกรรมการสอบสวนในตอนแก่ หรือตอนที่กำลังจะเกษียณ ทั้งที่ทำความดีมามาก บางคนเป็นใหญ่เป็นโตเร็ว แต่ชีวิตก็หยุดอยู่แค่นั้น ไม่อาจก้าวข้ามขึ้นสูงไปอีกได้ คนที่ตามมาข้างหลังกลับแซงหน้าไปจนหมด สุดท้ายเกษียณในตำแหน่งเดิมที่ขึ้นมาเป็นครั้งแรก
อย่างที่บอก ชีวิตมันต้องดูกันยาวๆ
ผมเองยังไม่รู้เลยว่า ตัวเองจะเดินหน้าอย่างไรในปี 2554 นี้ รู้เพียงแต่ว่าจะพยายามทำทุกวันให้ดี เท่านั้นเอง
หนังสือเล่มนี้บอกไว้อย่างนั้นครับ ผมเคยอ่านบทความหนึ่งที่เขียนเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้นานมาแล้ว จนกระทั่งช่วงวันหยุดปีใหม่ 2554 นี้เองที่ได้มีโอกาสอ่านฉบับจริงจนจบ วันหยุดยาวครั้งนี้ ผมอ่านหนังสือมากจริงๆ เฉลี่ยวันละ 3 เล่มคงจะได้ ไม่ใช่เพราะมีเวลาหรอก แต่เป็นเพราะยืมหนังสือมามาก และเป็นหนังสือดีๆ ทั้งนั้น หลายปีที่ผ่านมา ผมซื้อหนังสือน้อยลง แต่ใช้วิธีการยืมหนังสือจากห้องสมุดแทน เพราะพบว่าทุกครั้งที่จ่ายเงินเพื่อซื้อหนังสือ ผมจะซื้อเกินกว่าที่คิดเสมอ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หมดค่าหนังสือไปเยอะมาก ประมาณจ่ายค่าเทอมลูกได้เลย ก็เลยมาคิดว่า ยืมเอาดีกว่า อาจจะได้อ่านหนังสือช้าหน่อยแต่ก็ไม่ทำให้เราต้องจมเงินไปเยอะกับกองหนังสือเต็มบ้าน เต็มบ้านจริงๆ ลูกๆ ก็เลยได้อานิสงค์ของสังคมบริโภคหนังสือจากพ่อตัวแสบไปด้วย
กลับมาที่โนบิตะอีกครั้ง ผมว่าคนเขียนทุ่มเทเอามากๆ ที่คิดค้นหาแง่มุมที่คนดูการ์ตูนอย่างเดียว หรือเอาแต่เสพอย่างเดียวคงคิดไม่ถึง ผมว่า เขาคิดไปไกลกว่าคนแต่งการ์ตูนในบางครั้งอีกด้วยซ้ำ โนบิตะเป็นคนไม่เอาไหนจริงๆ แต่คนไม่เอาไหนคนนี้ ท้ายที่สุดก็มายืนแถวหน้าได้ดีกว่าที่คาด
สมัยเรียนมหาวิทยาลัย มีเพื่อนคนหนึ่งชื่อ "ไอ้ตู่" เป็นคนที่เหมือนตัวตลกในวงเพื่อนเสมอ ถูกล้อ ถูกแกล้งสารพัดสารเพ แถมก็เรียนไม่เอาไหน เรื่องผู้หญิงก็ย่ำแย่ จีบใครไม่เคยสำเร็จ หน้าตาก็งั้นๆ ไปวัดได้อย่างเดียว
พอเรียนจบ หมอนี่สอบเข้ารับราชการได้เป็นคนท้ายๆ ของรุ่น แต่วันนี้ ผมเชื่อว่า "ตู่" น่าจะเป็นข้าราชการแถวหน้าในรุ่นแล้ว และอาจจะได้เป็น ซี 9 คนแรกของรุ่นเลยก็ได้
ชีวิตผมเองก็เจอ "โนบิตะ" แบบ "ตู่" ไม่บ่อยนัก แต่ชีวิตของพวกเขาน่าทึ่งเสมอ ผมเองหากจะให้เปรียบก็น่าจะคล้ายกับเดคิซุกินิดๆ เพราะตอนเรียนผมอยู่แถวหน้าๆ ของรุ่น สมุดเลคเชอร์ผมกลายเป็นของสามัญบ่อยๆ เรื่องคะแนนติดท้อปไฟว์ ท้อปเทนนี่ประจำ แต่ไม่ค่อยอยากเอาดีทางด้านเรียนมากนัก ชอบทำกิจกรรมมากกว่า
ชีวิตจริงคนเรา ผมเชื่อว่ามีส่วนผสมของตัวละครหลายตัว อยู่ที่ว่าตัวไหนจะเด่น ตัวไหนจะแอบซ่อนอยู่ แต่คนที่มีลักษณะเด่นด้านด้อยมากๆ อย่างโนบิตะ หรือ ตู่ คงไม่พบบ่อยนัก และเมื่อบพบแล้วก็คาดการณ์อนาคตยากมาก เพราะชีวิตมันต้องดูกันยาวๆ
ผมเคยเห็นผู้ใหญ่ที่นับถือหลายคนต้องถูกตั้งกรรมการสอบสวนในตอนแก่ หรือตอนที่กำลังจะเกษียณ ทั้งที่ทำความดีมามาก บางคนเป็นใหญ่เป็นโตเร็ว แต่ชีวิตก็หยุดอยู่แค่นั้น ไม่อาจก้าวข้ามขึ้นสูงไปอีกได้ คนที่ตามมาข้างหลังกลับแซงหน้าไปจนหมด สุดท้ายเกษียณในตำแหน่งเดิมที่ขึ้นมาเป็นครั้งแรก
อย่างที่บอก ชีวิตมันต้องดูกันยาวๆ
ผมเองยังไม่รู้เลยว่า ตัวเองจะเดินหน้าอย่างไรในปี 2554 นี้ รู้เพียงแต่ว่าจะพยายามทำทุกวันให้ดี เท่านั้นเอง
อย่างที่บอก ชีวิตมันต้องดูกันยาวๆ <<< หนูชอบประโยคนี้ กด like ให้ 100 ทีนะคะ :)
ตอบลบ