มีเวลาว่างมา review หนังสงครามสองเรื่อง
ในยามที่บ้านเมืองหน้าสิ่วหน้าขวาน
ผมเลยหยิบเอาหนังขึ้นมาดูแล้วตีความตามความคิดของผมเอง ทั้งสองเรื่องนี้ base
on a true story ทั้งคู่
เรื่อง 500 ประจัญบาน เป็นหนังสงครามภายในประเทศญี่ปุ่นสมัยก่อนที่โชกุนโตกุกาว่า
อิเอยะสึ จะรุ่งเรือง น่าจะเป็นช่วงต้นของการก้าวขึ้นมามีอำนาจ
ตอนนั้นไดเมียวผู้ปกครองรัฐบาลคัมปากุ พยายามทำการรวมชาติ
โดยก่อให้เกิดสงครามกลางเมืองทั่วญี่ปุ่น คราวนี้มีกลุ่มผู้ปกครองโอดาวะระ ยังไม่ยอมแพ้
ในหนังนั้น ธรรมเนียมของการ “ยอมแพ้” ของเหล่าซามูไร ทำได้
แต่ไร้เกียรติ เพราะปราสาทจะถูกยึด ข้าว ที่นาก็ถูกยึด สถานะจะถูกปลด
ท่านหญิงของปราสาทจะต้องถูกส่งถวายตัวให้จักรพรรดิ จึงเท่ากับหมดสิ้นทุกอย่าง
ยกเว้นชีวิตอย่างเดียว แต่ก็ปราศจากศักดิ์ศรี
คำถามคือ แล้วทำไมไม่สู้
คำตอบคือ กองทัพคัมปากุ จากรัฐบาลกลาง มีขนาดมโหฬาร
แถมมีกำลังเงินไม่อั้น ขึ้นรบไปก็ตายเปล่า ไม่เหลืออะไรแม้แต่ชีวิต
ในหนังนั้น ปราสาทโอดาวะระ มีกลุ่มปราสาทลูก (คล้ายๆ
กับเมืองหน้าด่าน) กระจายล้อมรอบ มีปราสาทโอชิ เป็นหัวใจของหนังเรื่องนี้
เพราะเจ้าเมือง หรือ เจ้าผู้ปกครองปราสาทโอชิ
เหมือนจะรู้กันกับเจ้านายที่โอดาวะระ ว่าต้องยอมแพ้
เลยเดินทางออกจากเมืองไปพบกันที่ปราสาทโอดาวะระ
โดยสั่งลูกน้องคนหนึ่งที่เป็นมือขวาให้รักษาการปราสาทแทน คำสั่งคือ
ให้เปิดประตูเมืองยอมแพ้ และรับข้อเสนอของทัพคัมปากุ
ไฮไลท์ คือ
รักษาการแทนป่วยกะทันหัน และตายลง ตำแหน่งรักษาการเลยตกมาให้ลูกชาย
ที่ไม่มีความเป็นนักรบเลย แต่ชอบทำตัวใกล้ชิดชาวนา เรื่องก็คือ
พ่อหนุ่มคนนี้ไม่ยอม ทั้งที่ทั้งเมืองมีทหารแค่ 500 คนแต่กลับเลือกที่จะต่อสู้กับทัพหลวงที่ส่งมา
20,000 คน
เรื่องที่ผมอยากจะพูดหลังจากสปอยล์เนื้อเรื่องแล้วคือ ตรงนี้แหละครับ
การที่เรามีกำลังน้อยกว่า ก็ไม่ได้หมายความว่า
เรามีความเป็นมนุษย์น้อยกว่า
นี่ผมไม่ได้พูดเอง เป็นคำพูดของแม่ทัพคัมปากุ
ที่ออกอารมณ์เซ็งเมื่อเจอกับทัพข้อศึกที่ยอมแพ้ง่ายๆ เพียงเพื่อรักษาตัวให้รอด
เขาถึงกับเปรยว่า “จะยังมีใครที่มีความเป็นมนุษย์เหลืออีกไหม”
สงครามในหนัง จึงเป็นวิธีการแสดงออกถึงความเป็นมนุษย์ที่เท่ากัน
เมื่อไม่ยอมกัน ก็ต้องสู้กัน
ที่น่าเคารพคือ การสู้ในหนังนี้คือสู้จริงๆ รู้แพ้รู้ชนะ กันจริงๆ
แล้วยอมรับ ชื่นชม อีกฝ่ายอย่างจริงจัง มีการให้เกียรติในการรบ
มีการขนานนามของศัตรูอีกฝ่าย ถามไถ่ชื่อแซ่กันก่อนจะรบ ยกย่องกันในฝีมือ
ตอนแรกนั้น ทัพโอชิชนะ ต่อมาถูกล้อม แล้วสุดท้ายก็ต้องยอมแพ้
เพราะเจ้าของปราสาทสั่งมา
เมื่อยอมรับ ก็เชิญให้ทัพรัฐบาลเดินเข้ามา แม่ทัพก็ชื่นชมทหารโอชิ
และกลับกันคือ ยอมรับข้อเสนอของโอชิทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องส่งท่านหญิงไปเป็นสนม
สงครามในเรื่อง 500 ประจัญบาน คือ การเคารพในศักดิ์ศรีของกันและกัน
เป็นสงครามที่ “มีเกียรติ”
ส่วนเรื่อง Lone Survivor นำมาจากหนังสือชื่อเดียวกันที่เขียนโดยทหารหน่วยซีล
ที่ไปรบในอัฟานิสถานแล้วรอดกลับมาคนเดียวจากหน่วย เลยเขียนบันทึกความจำไว้
ในหนังเรื่องนี้ มีจุดที่น่าสนใจสองประเด็นคือ
จุดเริ่มต้นเป็นการตัดสินใจทางจริยธรรม ที่ส่งผลให้ตายเกือบยกหน่วย
จุดที่สองเป็นการสะท้อนจริยธรรมของชนเผ่าพื้นเมืองในอัฟานิสถาน
ผมว่าในหนังสื่อเรื่องนี้ไม่ชัดในตัวหนัง แต่มาทำเป็น note ตอนหนังจบแทน
ความจริง จุดนี้นั่นแหละที่ทำให้พระเอกรอดตาย
เรื่องจริยธรรมในการตัดสินใจเกิดขึ้น เพราะหน่วยซีลที่ไปออกลาดตระเวน
ไปเจอชาวบ้านโดยบังเอิญ ต้องตัดสินใจว่าจะเก็บทิ้ง มัดไว้ปล่อยให้ตาย
หรือจะปล่อยไปเลย สุดท้าย ปล่อยไป ทำให้กลุ่มตาลีบันทราบ แล้วหันกลับมาไล่ล่า
โดยที่หน่วยลาดตระเวนของพระเอก ไม่มีกำลังสนับสนุนเลย ถูกตัดขาด
จุดที่สอง พระเอกกำลังจะโดนเล่นงานรอมร่อ แต่ชาวบ้านไปช่วยเฉยเลย
ทำให้ตาบีบันไม่ยอมและหันมาถล่มหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านจนยับ
แต่สุดท้ายกองกำลังสหรัฐมาช่วยทัน เพราะคนของหมู่บ้านไปส่งข่าวทัน
ถามว่า ชาวบ้านไปช่วยทำไม ถ้ารู้ว่า ทำแล้วเดี๋ยวตาลีบันมาเอาคืนแน่
เพราะมี Code of Honor อย่างหนึ่งที่สืบทอดมา 2,000 กว่าปีของเผ่าว่า
ถ้าเจอคนที่กำลังถูกศัตรูไล่ล่า แล้วเหลือเพียงคนเดียว ในขณะที่ศัตรูมาเป็นฝูงนั้น
ชนเผ่าจะต้องให้การช่วยเหลือผู้ที่กำลังจะแย่นั้น ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม
และไม่ว่าจะมีผลที่ตามมาอย่างไร (at all costs)
นี่เป็นจริยธรรมที่ผมว่า น่าทึ่งมาก ในไทยไม่มีอย่างนี้แน่
ถ้าเป็นผมเอง ผมก็คงเอาตัวรอดแน่นอน ไม่สนใจไปช่วยเขาแล้วเอาครอบครัวเข้าไปเสี่ยง
มันสะท้อนให้ผมเห็นและเข้าใจโลกมากขึ้นอีกนิดเลยว่า
ยังมีสังคมที่มีคติความเชื่อที่น่ายกย่องอย่างนี้อยู่จริง
เป็นจริยธรรมที่มาจากพื้นฐานชีวิต พื้นฐานศีลธรรม
ที่น่านับถืออย่างหมดหัวใจ คำว่า at all costs นั้น
ยิ่งใหญ่มาก คือ ไม่คำนึงถึงแม้แต่ชีวิตของตนเอง และทั้งเขาทั้งเรา
ไม่ได้เป็นศัตรูกันมาก่อน ที่ให้ความช่วยเหลือนี้ เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ
สังคมไทยเวลานี้ ผมว่า ขาดทั้งมิติของการเคารพ
ความเป็นมนุษย์ของอีกฝ่าย
การให้เกียรติกันและกัน แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นศัตรูของเรา
ความช่วยเหลือโดยไม่เลือกข้าง แต่ทำเพราะมันเป็นหน้าที่
ศักดิ์ศรีที่จะทำตามคติธรรมพื้นฐานที่ซึมซับมา
ไม่ใช่เอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง
....
หรือเราจะต้องฆ่ากันจึงจะเป็นคำตอบ
แล้วให้ผู้ชนะเหยียบซากศพขึ้นไปเป็นใหญ่เท่านั้น???
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น