วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2554

เดินสู่อิสรภาพ


ผมซื้อหนังสือเล่มนี้ที่ตลาดนัดกรมวิทยาศาสตร์บริการ คนขายบอกว่ามาจากสำนักพิมพ์สุขภาพใจ มาขายลดราคา อันที่จริงผมอยากได้หนังสือเล่มนี้มานานแล้ว แต่ราคาปกแพงอยู่ ผมไม่ได้ซื้อหนังสือมานานแล้ว ครั้งสุดท้ายน่าจะปี 2552 เพราะว่าซื้อทีหนึ่งผมซื้อเยอะ ซื้ออย่างกับคนบ้าเลย พอกลับมาซื้อครั้งแรกในรอบ 2 ปี ก็ซื้อหนังสือเล่มนี้รวมกับหนังสือเล่มอื่นๆ ของท่านพุทธทาสบ้าง อาจารย์สุพจน์ ด่านตระกูล (เข้าข่ายหนังสือสะสม) และหนังสือพุทธแบบโบราณๆ ทั่วไป


ผมไม่ชอบหนังสือแนวพุทธสมัยใหม่สักเท่าไหร่ ที่คนทั่วไปเขานิยมกันผมก็อ่านหมด แต่ไม่ชอบ รู้สึกว่าไม่ถูกจริตกัน วันที่ซื้อหนังสือครั้งแรกของปีเลยซื้อไปประมาณ 20 เล่ม ราคารวมๆ ก็ราว 5,000 บาทจะบ้าตาย หลายเล่มที่ราคา 800 - 900 บาท ผมต้องวิ่งขึ้นมาออฟฟิสมายืมเงินเพื่อนร่วมงานไปจ่าย


เล่มแรกในกองที่อ่านก็คือ "เดินสู่อิสรภาพ" ผมอยากอ่านมานานแล้ว พอซื้อมาเป็นเจ้าของเลยอ่านรวดเดียวสองวันจบ


เป็นหนังสือเล่มหนึ่งในบรรดาหนังสือไม่มากนัก ที่ผมอ่านไปบางช่วง น้ำตาก็ไหลออกมาเอง ผมร้องไห้เพราะอ่านหนังสือนี้ทั้งหมด 4 ครั้ง ตลอดสองวันที่อ่าน มันไม่ใช่หนังสือเศร้าหรืออะไร แต่มันเป็นความรู้สึกละเอียดและซาบซึ้งบางอย่างที่ผมเองก็อธิบายไม่ถูก


วันที่ผมเริ่มอ่านคือวันที่ 10 มีนาคม 2554 ผมเอาติดตัวไปอ่านตอนเดินทางไปสัมมนากับออฟฟิสที่จังหวัดตรัง วันที่สองผมนอนอ่านบนเปลของโรงแรมริมทะเล มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งถ่ายรูปนี้เอาไว้ เธอคงไม่รู้หรอกว่า อีกไม่กี่นาทีหลังจากนั้น น้ำตาผมไหลพรากๆ แบบหยุดไม่อยู่


ผมนอนอ่านลำพัง มีเสียงลมเสียงคลื่น ประกอบภาพสะท้อนในจิตใจ ทำให้ผม "ร่ำไห้" ออกมาโดยไม่รู้ตัว


อาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ได้ผ่านการกำเนิดใหม่ด้วยการเดิน เพื่ออิสรภาพในใจของอาจารย์เอง


มีครั้งหนึ่งที่ผมตัดสินใจขี่เสือหมอบแก่ๆ เก่าๆ จากบ้านไปบางแสนคนเดียว ไม่มีใครสักคนที่พยายามเหนี่ยวรั้งผมไว้ แฟนผมก็แค่ถามเลียบๆ เคียงๆ เพื่อนที่ทำงานก็มีแต่หัวเราะด้วยความตลกโปกฮาที่รับทราบว่าผมจะขี่จักรยานไปร่วมประชุมที่โรงแรมริมหาดบางแสน ความตั้งใจของผมเป็นเรื่องโจ๊กในสายตาคนอื่น แต่เป็นเรื่องที่ผมตัดสินใจอย่างรวดเร็ว มุ่งมั่น และพากเพียรอย่างยิ่ง


ผมจำได้ว่าใช้เวลาไปราว 5 ชั่วโมงจากคอนโดริมถนนพระรามเก้า ปั่นไปตามทางเอกมัยทะลุออกบางนา จากนั้นก็ขี่ตรงไปตลอด มุ่งหน้าไปเรื่อย ทิศทางนั้นชัด แต่ระยะทางผมไม่รู้ว่าเท่าไหร่ ได้แต่มุ่งไปไม่หยุด


ผมรู้ของผมเองว่า ผมทำไปทำไม เพื่ออะไร สำเร็จแล้วเป็นอย่างไร นี่เป็นเรื่องที่ผมคิดว่า ทำเองรู้เอง บอกคนอื่นไม่ถูก


หากมีโอกาสผมอยากปั่นจากบ้านไปเชียงใหม่ ขึ้นดอยอินทนนท์ กลับไปเยี่ยมถิ่นเก่าที่แม่อาย แล้วค่อยกลับกรุงเทพ ถ้าจะไปผมคงไปคนเดียว ปั่นแบบเรื่อยๆ เหนื่อยก็หยุด หิวก็หาของกิน ง่วงก็กางเต้นท์นอนริมถนน


เอาไว้ทำจริงเมื่อไหร่จะมาบันทึกไว้เป็นอนุสรณ์

1 ความคิดเห็น:

  1. ตกลงเดินไปถึงอิสรภาพไหมพี่เคน? หลังจากน้ำตาไหลพรั่กๆแล้ว รับรู้ถึงการปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างหรือเปล่า?

    ตอบลบ